Sunday, 7 July 2024
STOCK

'ORI' ควง 'BRI' วิ่งคึก!! ตอบรับโปรเจกต์ใหม่ พร้อมรวมพลัง ASIAN บุกสร้างเมือง ‘เขาใหญ่-ศรีราชา’

📌 (30 มิ.ย.66) ณ เวลา 10:54 น. ราคาหุ้นบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI อยู่ที่ระดับ 10.40 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.97% สูงสุดที่ระดับ 10.50 บาท ต่ำสุตที่ระดับ 10.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 17.08 ล้านบาท

ส่วนราคาหุ้นบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI อยู่ที่ระดับ 8.50 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 8.97% สูงสุดที่ระดับ 8.65 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.15 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 82.94 ล้านบาท

โดยนายปิติ จารุกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) หรือ ONEO ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในเครือ ORI เปิดเผยว่า จากแผนการเติบโต ‘Origin Infinity’ ของเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ในปีนี้ ทุกบริษัทในเครือเตรียมเดินหน้ารวมพลังสร้างความร่วมมือ เพื่อสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ สู่การตอบโจทย์การพักอาศัยและพักผ่อนของผู้บริโภคทั่วประเทศ ล่าสุดเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ นำโดย บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน), บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้พัฒนาบ้านจัดสรร และบริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมในหัวเมืองใหญ่ จะเดินหน้าจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท เอเชี่ยน เวลเนส เรสซิเดนซ์ จำกัด ในเครือของ บริษัท เอเชี่ยน ซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN จำนวน 4 บริษัท ภายใต้สัดส่วน 60 ต่อ 40 ทั้ง 4 บริษัท ร่วมกันพัฒนาโครงการร่วมกันใน 2 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ 1. ที่ดิน 40 ไร่ บน ถ.ธนะรัชต์ ใจกลางเขาใหญ่ และ 2. ที่ดินประมาณ 9 ไร่ บน ถ.ศรีราชา-หนองค้อ ใจกลางศรีราชา มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 1,422 ล้านบาท

7UP พลิกกลับแดนบวก ดีดขึ้น!! 16% หลังถูกเทขายอย่างต่อเนื่องมา 13 วัน

🔴 (30 มิ.ย. 66) ราคาหุ้น บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 7UP ณ เวลา 10:31 น. อยู่ที่ระดับ 0.43 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 16.22% สูงสุดที่ระดับ 0.46 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.38 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 20.53 ล้านบาท

🟢 โดยราคาหุ้น 7UP ปรับตัวขึ้นมาในแดนบวกอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ถูกแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง 13 วัน นับตั้งแต่ราคาปิดที่ระดับ 0.58 บาท เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 66 คิดเป็นการปรับตัวลดลงกว่า 36%

เก็งกำไร 4 หุ้นไก่ รับอานิสงส์ ‘ญี่ปุ่น’ แบนนำเข้าจากบราซิล โบรกฯ ชู ‘GFPT’ ชี้!! ได้ประโยชน์มากสุดเพราะเป็นไก่ล้วน

📌 (30 มิ.ย. 66) ราคาหุ้นกลุ่มส่งออกไก่ปรับตัวขึ้นนำโดย บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT ณ เวลา 10.08 น. อยู่ที่ระดับ 12.70 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.42% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 13.30 ล้านบาท

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ณ เวลา 10.10 น. อยู่ที่ระดับ 19.70 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 2.07% ราคาสูงสุด 19.70 บาท ราคาต่ำสุด 19.40 บาท หรือ 2.07% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 36.56 ล้านบาท

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ณ เวลา 10.13 น. อยู่ที่ระดับ 28.00 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.90% ราคาสูงสุด 28.25 บาท ราคาต่ำสุด 27.75 บาท หรือ 0.90% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.76 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ว่า กลุ่มไก่มีข่าวญี่ปุ่นแบนการนำเข้าสัตว์ปีกจากบราซิล หลังพบการติดเชื้อไข้หวัดนกในฟาร์มสัตว์ปีก ล่าสุดพบการติดเชื้อไข้หวัดนกในฟาร์มสัตว์ปีก 1 แห่ง ในรัฐ Espiriyo Santo ประเทศบราซิล ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้ประกาศแบนการนำเข้าสัตว์ปีกจากรัฐดังกล่าวทันที แต่ทางสมาคมอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์บราซิลได้ระบุว่า ปกติญี่ปุ่นไม่ได้นำเข้าสัตว์ปีกจากรัฐดังกล่าวอยู่แล้ว

โดยมองข่าวนี้เป็น sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มไก่ของไทยจากโอกาสที่จะส่งออกได้มากขึ้นแทนบราซิล ซึ่งจะช่วยหนุนปริมาณขาย และคาดหวังราคาไก่ในประเทศปรับขึ้นได้ เป็นบวกต่อกลุ่มไก่ ได้แก่ CPF, TFG, BTG พร้อมชู ‘GFPT’ จะได้ผลบวกมากสุด เพราะเป็นไก่ล้วน แนะนำเก็งกำไร

TPL ก่อนเปิดตลาด 5 นาที แตะ 5.95 บาท เพิ่มขึ้น 80% จากราคาไอพีโอ ที่ 3.30 บาท

🔴 (30 มิ.ย. 66) ราคาหุ้น บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL ก่อนเปิดตลาด (Pre Open) 5 นาที แตะ 5.95 บาท เพิ่มขึ้น 80% จากราคา IPO ที่ 3.30 บาท โดยจำนวนหุ้นที่มีการซื้อขายก่อนเปิดตลาดประมาณ 20.51 ล้านหุ้น ด้านฝั่งซื้อ (Bid) ประมาณ 1.09 ล้านหุ้น สั่งฝั่งขาย (Offer) ประมาณ 10.59 ล้านหุ้น โดยมี บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน 

SAPPE วิ่งขึ้น 6% โบรกฯ มอง!! กำไรปีนี้ลุ้นทำนิวไฮ หลังเพิ่มช่องทางขาย ตปท. - ขยายกำลังผลิต 30%

🔴 (29 มิ.ย. 66) ราคาหุ้น บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ณ เวลา 11:12 น. อยู่ที่ระดับ 82.75 บาท บวก 4.75 บาท หรือ 6.09% สูงสุดระดับ 83.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 78.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54.47 ล้านบาท

🟢 บล.หยวนต้า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในระยะยาวของ SAPPE คาดกำไรจะทำ New High ได้ต่อเนื่อง ในปี 2566-2567 จากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในต่างประเทศ อาทิ การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในต่างประเทศเป็นหลัก และการขยายกำลังการผลิตราว 30% รวมถึงเน้นการขายในประเทศมากขึ้น คาดออกสินค้าใหม่ราว 20 SKU ในปีนี้

⚪ ทั้งนี้ ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้น ไตรมาส 2/67 ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 88.00 บาท เปลี่ยนคำแนะนำเป็น ‘ซื้อ’ เชิงกลยุทธ์ แนะนำทยอยเข้าสะสม

XO ดีดบวก 7% กูรูมองรายได้ Q2 ไต่ระดับสูง!! หลังออเดอร์อเมริกาหนุน คาดปี 66 แกร่งเท่าตัว

📌 (29 มิ.ย. 66) ราคาหุ้น บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ณ เวลา 10:40 น. อยู่ที่ระดับ 22.30 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 7.21% สูงสุดที่ระดับ 22.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 20.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35.64 ล้านบาท

ด้าน บล.ทรีนีตี้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์ XO รายงานรายได้ไตรมาส 2 ออกมาทำจุดสูงสุดใหม่ (ออลไทม์ไฮ)

ขณะที่ก่อนหน้านี้ บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิคราห์ คาดผลประกอบการไตรมาส 2/66 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/66 จากคำสั่งซื้อทวีปอเมริกาหนุน โดยคาดว่ารายได้ปี 66 จะเติบโตทั้งจากปีก่อนและไตรมาสก่อน เนื่องจากบริษัทมี Distributor รายใหม่ในสหรัฐ แคนนาดา และเม็กซิโกซึ่งมีการส่งคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ขณะคำสั่งซื้อจากยุโรปฟื้นตัวดีกว่าที่คาดไว้ แม้ว่าจะมีการเปิดประเทศและประชาชนเริ่มเดินทางท่องเที่ยวก็ตาม

ด้าน % GPM มีโอกาสเร่งตัวขึ้นเองจากทางบริษัทได้ล็อกต้นทุนพริก กระเทียม และน้ำตาลไปถึงกลางปี 67 แล้ว และคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทำให้มี Economies of Scales

ทั้งนี้ผู้บริหารได้ปรับเพิ่มเป้ายอดขายปี 66 จาก 1.6 พันล้านบาทเป็น 1.75 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการเติบโต 10% จากปีก่อน สู่ 20% จากปีก่อน จากแรงหนุนของคำสั่งซื้อจากทวีปอเมริกาหลังได้ Distributor รายใหม่

ยิ้มรับปันผล!! RAM ซื้อหุ้น 'รพ.ชัยภูมิ' เพิ่ม 25 ลบ. คาด!! 'ปันผล' งอกเงยในอนาคต

🔴 เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.66) บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM เปิดเผยว่า ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2566 ได้อนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ของบริษัท โรงพยาบาลชัยภูมิ จำกัด เป็นจำนวน 23.41 ล้านบาท และซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ในส่วนที่ผู้ถือหุ้นเดิมสละสิทธิ์ จำนวน 1.75 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 25.16 ล้านบาท ภายหลังการเข้าทำรายการดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 78.34% จากเดิม 78.04%

🟢 ทั้งนี้ การลงทุนในครั้งนี้เพื่อปรับปรุงและขยายกิจการของบริษัท โรงพยาบาลชัยภูมิ จำกัด อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าบริษัทจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลในอัตราที่น่าพอใจ


ที่มา : https://www.kaohoon.com/news/613342
 

‘บล.บัวหลวง’ วิเคราะห์ 2 หุ้นเครื่องดื่มชูกำลังยักษ์ใหญ่ แนะซื้อ ‘CBG’ หุ้นละ 78 บ. ส่วน ‘OSP’ ถือรอปัจจัยบวกใหม่ๆ

📌(28 มิ.ย.66) บล.บัวหลวง ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG และหุ้นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP โดยได้ประเมินปัจจัยพื้นฐานของทั้งสองหลักทรัพย์ และคำแนะนำรวมถึงราคาเป้าหมาย

หุ้น CBG ประเมินว่ากำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 1/66 และคาดเห็นการฟื้นตัวแกร่งระดับ 58% ในไตรมาส 2/66 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หนุนโดยกลยุทธ์การคงราคา (เทียบกับคู่แข่งปรับเพิ่ม 20%) และทำการตลาดเชิงรุก ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดสำหรับธุรกิจ Energy Drinks ขยายตัว การส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดยรวมคาดรายได้เพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสก่อน  และอัตรากำไรขยายตัว 140bps จากไตรมาสก่อน และประเมินว่ารายได้และอัตรากำไรที่ขยายตัวนี้จะหนุนการฟื้นตัวกลับต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/66 และยังมีแผนที่จะผลิตขวดแก้วเพื่อส่งขายต่อให้ธุรกิจเบียร์ของกลุ่ม ผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วย ซึ่งฝ่ายวิจัยยังไม่ได้รวมในประมาณการกำไร

กลยุทธ์การลงทุน มองว่า ราคาหุ้น CBG ปรับตัวลงมาแล้วกว่า 34% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับแนวโน้มกำไรที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง เป็นโอกาสในการสะสม จึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมแนะนำถือ พร้อมกับให้ราคาเป้าหมายที่ 78 บาทต่อหุ้น 

ส่วนหุ้น OSP แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66  คาดว่าจะฟื้นตัว 39% จากไตรมาสก่อน หนุนจากยอดขายเพิ่มขึ้นทั้งตลาด Energy drinks ในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งอัตรากำไรขยายตัว โดยส่วนแบ่งการตลาดของตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น 1% เป็น 48% ส่วนยอดขายต่างประเทศเติบโต Double-digit ขณะที่ในไตรมาส 3/66 คาดจะได้รับผลกระทบ เชิงฤดูกาล (กอรปกับตลาดเมียนมาไม่ดี) ส่งผลต่อกำไรอ่อนตัวลง ก่อนจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในไตรมาส 4/66  

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยมองว่าการขยายตัวของธุรกิจในเมียนมา (ซึ่งมีขนาดราว 13% ของคาดการณ์รายได้ปี 2566-2567) ยังมีความเสี่ยงทางการเมือง และเศรษฐกิจ รวมทั้งค่าเงินอ่อนค่า จะยังกดดันผลประกอบการและราคาหุ้น ในทางกลับกันอาจจะพอเห็นความหวังด้านบวกหากส่วนแบ่งการตลาดทยอยฟื้นตัวกลับมาต่อเนื่องได้อย่างจริงจังในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะหนุนอัตรากำไรดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ยังต้องติดตามต่อไป

กลยุทธ์การลงทุน ยังคงให้คำแนะนำ ถือ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 32 บาท เพื่อรอปัจจัยบวกใหม่ๆ มากกว่านี้ซึ่งอาจจะต้องรอถึงไตรมาส 4/66

จับตา 4 หุ้น เครื่องดื่มตัวเต็ง ‘ICHI-SAPPE-CBG-OSP’ รับอานิสงส์ราคาน้ำตาลลง 5 วันติด

🔴 (28 มิ.ย. 66) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ว่า ราคาน้ำตาลปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 5 วัน ล่าสุดอยู่ที่ 23.66 Cent pound เพราะอากาศในบราซิลเหมาะสมต่อการเก็บเกี่ยวอ้อย ครึ่งแรกเดือน มิ.ย. ผลผลิตน้ำตาลเพิ่ม 18% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดผลผลิตปี 67 เพิ่ม 4.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

🟢 โดย KCS ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่มีน้ำตาลเป็นต้นทุน กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI, บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE, บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG และ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP

บล.กรุงศรี แนะซื้อ CBG เคาะเป้าที่ 82 บาท มอง!! Q2 ‘ยอดขาย ฟื้น-ต้นทุนลด’ รับกำไรโต

🔴 (28 มิ.ย. 66) บล.กรุงศรี ส่องหุ้น CBG หรือ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยระบุในบทวิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน Q2/66 จะเพิ่มขึ้น 59% qoq เป็น 419 ล้านบาท 

🟢 เนื่องจาก 1.) ยอดขายฟื้นตัวขึ้นอย่างมากในทุกกลุ่มธุรกิจ (15% qoq) โดยเฉพาะเครื่องดื่ม energy drink ในประเทศ และ 2.) อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเพราะต้นทุนวัตถุดิบลดลง ฝ่ายวิจัยคาดว่าโมเมนตัมของกำไรจะดีต่อเนื่องใน Q3/66 และคงคำแนะนำซื้อ โดย ประเมินราคาเป้าหมายที่ 82.00 บาท

บลจ.บัวหลวง แจงขายหุ้น STARK หมดแล้ว พร้อมเริ่มหารือแนวทางดำเนินคดีผู้กระทำผิด

🔴(28 มิ.ย. 66) บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง จำกัด (บลจ.) บัวหลวง ได้ออกหนังสือชี้แจงเพิ่มเติมเรื่องการลงทุนในหุ้นของ บริษัท สตาร์คคอร์เปอเรชัน จํากัด (มหาชน) หรือ STARK ว่า ตามที่ได้ชี้แจงเรื่องการลงทุนในหุ้น STARK เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2566 ไปแล้วนั้น ขอแจ้งเพิ่มเติมว่า บลจ.บัวหลวง ได้ทยอยขายหุ้นออกจากทุกกองทุนภายใต้การจัดการอย่างต่อเนื่องจนหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

🟢นอกจากนี้ บลจ.ต่าง ๆ ในนามสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ยังได้เริ่มหารือกันถึงแนวทางในการร่วมดําเนินคดีและเรียกร้องในฐานะผู้ลงทุนสถาบันแล้ว

‘BA’ Q2 โตเด่น รับอานิสงส์ค่าตั๋วพุ่ง-ต้นทุนลด โบรกฯ มองบวก!! แนะให้ ‘ซื้อ’ เคาะเป้า 20 บาท

🔴 (28 มิ.ย. 66) บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำ ‘เพิ่มน้ำหนัก’ เข้าลงทุนในหุ้น BA แนวโน้มผลการดำเนินงาน Q2/66 คาดยังแข็งแรงแม้เป็น Low Season หนุนจาก Load Factor ที่ยังสูงทำ Record High และค่าตั๋วที่สูงกว่าก่อนโควิด นอกจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่สนามบินสมุยยังมีช่องว่างในการฟื้นตัวอีกมากโดยเฉพาะ Q3/66 ที่เข้า High Season

🟢 สำหรับปี 66 คาดกำไรที่ 1.4 พันลบ. จากทั้ง Load Factor และค่าตั๋วที่ปรับขึ้นดี และมี Upside จาก Pent-Up Demand ที่อาจสูงกว่าคาดจากนักท่องเที่ยวจีน ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับลงเป็นบวกต่อต้นทุน แนะนำ ‘ซื้อ’ ราคาเป้าหมาย 20 บาท

จับตา 6 หุ้น รับอานิสงส์เชิงบวกจากการท่องเที่ยว หลังครึ่งปีแรกต่างชาติแห่เข้าไทยทะลุ 12 ล้านคน

📌 (27 มิ.ย. 66) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งสัปดาห์ (19-25 มิ.ย. 66) มีจำนวนทั้งสิ้น 523,794 คน คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 74,828 คน ในช่วงดังกล่าว ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 66 จนถึงปัจจุบันมีทั้งสิ้น 12,464,812 คน คิดเป็นสัดส่วน 539% สามารถสร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 514,237 ล้านบาท

ทั้งนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจีนเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยมากที่สุด 85,065 คน รองลงมา ได้แก่ มาเลเซีย 67,082 คน, อินเดีย 36,653 คน, เกาหลีใต้ 28,857 คน และเวียดนาม 26,798 คน ตามลำดับ

นอกจากนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเป็นไปตามคาด จากการกลับมาขยายตัวของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่เพิ่มขึ้น 15.34% ทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเป็นที่ 1 แซงหน้านักท่องเที่ยวมาเลเซีย ในขณะที่นักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง เพิ่มขึ้น 77.84%

อย่างไรก็ดี สัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงขยายตัวในทุกตลาดหลัก ยกเว้นนักท่องเที่ยวอาเซียนที่ชะลอตัวลง 4.28% ส่งผลให้ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 6.94% โดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ยังคงเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน มิ.ย. 66 ที่ 2.17 ล้านคน จากสัญญาณการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในทุกตลาดสำคัญ โดยเฉพาะการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามการขยายตัวของนักท่องเที่ยวจีน ให้สามารถรักษาระดับการขยายตัวที่เป็น double-digit ให้ได้โดยคาดการณ์ว่าสัปดาห์หน้า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าไทยราว 5 แสนคน โดยเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดเอเชียตะวันออก และเอเชียใต้ เป็นหลัก

ขณะที่ปัจจัยที่ควรให้ความสำคัญในระยะถัดไป คาดว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยจะมีแนวโน้มการขยายตัวดีกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากการกลับมาขยายตัว double-digit ของนักท่องเที่ยวจีน และข่าวการเพิ่มเส้นทางบินและเครื่องบินของสายการบินต่างๆ รวมถึงความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนของไทย ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ที่มุ่งเน้นการเพิ่มความสะดวก และลดข้อจำกัดในการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติลง

ด้าน บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากโมเมนตัมท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุดเป็นบวก โดยอิงจำนวนผู้ใช้บริการ 6 สนามบิน สำหรับ AOT เดินทางออกนอกประเทศวันที่ 1-24 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา มีสัดส่วน 72.1% ของช่วงก่อนโควิด-19 เร่งขึ้นจากวันที่ 1-17 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา ที่มีสัดส่วน 70.8% ระดับดังกล่าวบ่งชี้นักท่องเที่ยว มิ.ย. 66 สูงราว 2.2 ล้านคน ใกล้เคียงระดับสูงสุดรายเดือนจากต้นปีถึงปัจจุบันในปี 66 ในช่วงฤดูกาล มี.ค. 66

ทั้งนี้ อิงยอดดังกล่าว คาดนักท่องเที่ยวครึ่งแรกของปี 66 จะอยู่ราว 12.7 -12.8 ล้านคน ยังเดินหน้าสู่กรอบบนที่ Consensus คาดทั้งปีที่ 28-30 ล้านคน เชื่อหนุนกลุ่มอิงการท่องเที่ยวเคลื่อนไหวแกร่งกว่าตลาด โดยเน้น AOT, ERW, MINT, CPAXT, CRC และ ADVANC 

หุ้นกลุ่ม EA ดีดกลับ หลังแจงเหตุไฟไหม้รถเมล์อีวี ยืนยัน!! ไม่เกี่ยวกับแบตเตอรี่ เป็นเพียงอุบัติเหตุ

📌 (27 มิ.ย. 66) ราคาหุ้นกลุ่ม EA ดีดกลับ นำโดยบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ณ เวลา 10.35 น. อยู่ที่ระดับ 53.50 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 1.90% ราคาสูงสุด 54.00 บาท ราคาต่ำสุด 52.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 163.22 ล้านบาท

บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ณ เวลา 10:38 น. อยู่ที่ระดับ 10.20 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 2.00% ราคาสูงสุด 10.40 บาท ราคาต่ำสุด 10.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 14.70 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ณ เวลา 10:39 น. อยู่ที่ระดับ 5.85 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 2.63% ราคาสูงสุด 6.00 บาท ราคาต่ำสุด 5.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 10.52 ล้านบาท

โดยราคาหุ้นดีดกลับหลังวานนี้ นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NEX เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ไฟไหม้รถเมล์สาย 8 เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา เบื้องต้นสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ (Human Error) หรือพนักงานน่าจะต่อสายไฟฟ้าผิด ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดดวงจร และเกิดไฟไหม้ขึ้นมา

ยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากตัวแบตเตอรี่ เนื่องจากหากเกิดจากแบตเตอรี่น่าจะพบตั้งแต่แรกที่เอามาใช้แล้ว แต่คันไฟไหม้เดินรถมา 11 เดือนแล้ว แต่ขณะนี้เรายังไม่ได้รับการรายงานข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ บริษัทได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว พบว่าเหตุเกิดมาจากรถเมล์คันดังกล่าวกำลังถอยเข้าโรงซ่อม แต่คนขับรีบร้อนทำให้ชนหลังคาอาคารจนแบตเตอรี่ที่ติดตั้งอยู่ด้านบนหลังคาเสียหายจึงเกิดควัน และลุกไหม้ขึ้น มองว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดภายในอู่รถ และความเสียหายดังกล่าวก็อยู่ในความคุ้มครองของประกันภัย

AC เท 1.8 พันล้านให้ SUPER ลุยพลังงานในเวียดนาม

📌 (27 มิ.ย.66) นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี (SSE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยประสบความสำเร็จในการมีพันธมิตรทางธุรกิจกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศเวียดนาม ในเฟสแรก จำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิต 286.72 เมกะวัตต์ ส่งผลให้บริษัทได้รับเงินค่าหุ้นจำนวน 51 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 1,796.68 ล้านบาท และคาดว่าอีก 3 โครงการ กำลังการผลิต 550 เมกะวัตต์ จะทยอยดำเนินการเสร็จสิ้นภายในปีนี้ จากทั้งหมดรวม 9 โครงการ กำลังการผลิต 836.72 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ การทำรายการดังกล่าวเป็นไปตามข้อตกลงที่ได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น (แบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน) ในสัดส่วน 49% ของ SOLAR NT HOLDINGS PTE. LTD. (Solar NT) ให้ AC ENERGY VIETNAM INVESTMENTS PTE. LTD. (ACEV) มูลค่ารายการประมาณ 165 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 5,812.78 ล้านบาท ซึ่ง SUPER และ ACEV จะถือหุ้นร่วมกันในบริษัท ซึ่งดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามในสัดส่วนร้อยละ 51 และ ร้อยละ 49 ตามลำดับ

“การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ เป็นการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) และยังเป็นการร่วมกันพัฒนาธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในกลุ่มประเทศอาเซียน (ไม่รวมประเทศไทย) ในอนาคต หนุนผลงานโตก้าวกระโดดในอนาคต” นายจอมทรัพย์ กล่าว

ทั้งนี้ ACEV เป็นบริษัทลงทุนในเครือของ AC ENERGY CORPORATION ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนชั้นนำทางด้านธุรกิจ


© Copyright 2023, All rights reserved. THE TOMORROW
Take Me Top