Friday, 5 July 2024
STOCK

TVDH โอนส่วนล้ำมูลค่าหุ้น ล้างขาดทุนกว่า 241.7 ลบ. หวังเปิดทางจ่ายปันผล หากมีกำไรในอนาคต

เมื่อวานนี้ (29 ก.พ. 67) บมจ.ทีวีดี โฮลดิ้งส์ (TVDH) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ มีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติการโอนส่วนล้ำมูลค่าหุ้น จำนวน 241,723,180 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมของงบการเงินเฉพาะกิจการสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 241,723,180 บาท ภายหลังจากการชดเชยผลขาดทุนสะสมดังกล่าวแล้ว ผลขาดทุนสะสมของบริษัทฯ จะเท่ากับศูนย์ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถจ่ายเงินปันผลได้หากมีกำไรในอนาคต

'ตลท.' เตือนนักลงทุนเทรด 'หุ้นมิสแกรนด์' หลังถูกพักซื้อขายไปเมื่อ 23 ก.พ. ชี้!! หากจะลงทุน ต้องศึกษาข้อมูลเท็จจริง ที่สอดรับกับปัจจัยพื้นฐานก่อน

(27 ก.พ. 67) รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายหลังหลักทรัพย์บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ถูกหยุดพักการซื้อขายเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นเวลา 1 วัน เนื่องจากมีสภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปไม่สอดรับปัจจัยพื้นฐาน โดยกลับมาซื้อขายได้ตั้งแต่ในภาคเช้าของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไปนั้น

ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลโดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและมีพื้นฐานประกอบ (material information) ก่อนเข้าซื้อ MGI เนื่องจากปัจจุบันค่า P/E และ P/BV อยู่ในระดับ 88.05 เท่า และ 22.64 เท่า ตามลำดับ (ปรับด้วยผลการดำเนินงานงวดปี 2566 แล้ว) โดยเช้าวันนี้ MGI แจ้งสารสนเทศการเปิดตัวงานแกรนด์คอนเสิร์ต อิน ยูเอสเอ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจปกติของบริษัทที่ดำเนินการอยู่แล้วในส่วนของธุรกิจสื่อและบันเทิง

สำหรับสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไม่สอดรับปัจจัยพื้นฐานอีก หลักทรัพย์ MGI จะถูกหยุดพักการซื้อขายอีกเป็นเวลา 1 วัน ตามหลักการของมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 (ระดับสูงสุด) ซึ่งในปัจจุบัน MGI ยังคงอยู่ในมาตรการระดับนี้

สรุปสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ MGI โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 6-22 กุมภาพันธ์ 2567 (13 วันทำการ)

- การซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเวลาอันสั้น เกินปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แม้จะอยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขาย
- ราคาเพิ่มขึ้น 74% จาก 28.75 บาท มาเป็น 50 บาท (All Time New High)
- มูลค่าการซื้อขายในช่วงก่อนเข้ามาตรการระดับสูงสุด สูงอยู่ใน 3 ลำดับแรกของ mai
- เข้ามาตรการกำกับการซื้อขาย 3 ครั้ง (เข้ามาตรการระดับสูงสุด 2 ครั้ง)

หุ้น ‘Nvidia’ พุ่งแตะ!! 6.4% และปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังประกาศเปิดตัวการ์ดจอ AI หวังมัดใจผู้ชื่นชอบวิดีโอเกม

(9 ม.ค. 67) หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลกจากสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ (8 ม.ค.) หลังอินวิเดียเปิดตัวหน่วยประมวลผลภาพกราฟิก (GPU) หรือ การ์ดจอ รุ่นใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ทั้งนี้ หุ้นอินวิเดียปรับตัวขึ้น 6.4% ปิดที่ 522.53 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นในวันจันทร์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังอินวิเดียประกาศเปิดตัวการ์ดจอรุ่น GeForce RTX 40 SUPER Series โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเอาใจกลุ่มผู้ชื่นชอบวิดีโอเกม

นอกจากนี้ ก่อนถึงกำหนดจัดงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค (Consumer Electronics Show) ในลาสเวกัส อินวิเดียยังได้ประกาศเปิดตัวชิ้นส่วนและซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับ AI

หุ้นอินวิเดียพุ่งขึ้นกว่า 3 เท่าตัวในปี 2566 เนื่องจากถูกมองว่าเป็นผู้นำในแวดวงซัพพลายเออร์ด้านการประมวลผลที่ใช้ในการคำนวณ AI

ด้าน แอลเอสอีจี (LSEG) ระบุว่า หุ้นอินวิเดียมีปริมาณการซื้อขายมูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในวันจันทร์ ซึ่งสูงที่สุดในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดของอินวิเดียอยู่ที่เกือบ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

การปรับตัวขึ้นครั้งล่าสุดของหุ้นอินวิเดียหนุนให้ดัชนีชิปเซมิคอนดักเตอร์ PHLX พุ่งขึ้น 3.3%

‘บางจาก’ ปิดดีลซื้อ ‘เอสโซ่’ เป็นที่เรียบร้อย ด้วยการถือครองหุ้นทั้งหมดจำนวน 76.34% 

(16 ต.ค. 66) นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่บางจากฯ เข้าถือหุ้นร้อยละ 65.99 ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 และได้ยื่นคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือจำนวน 1,177,108,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 34.01 ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ เอสโซ่ (ประเทศไทย) ในราคา 9.8986 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566

ซึ่งการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ เอสโซ่ (ประเทศไทย) ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ โดยบางจากฯ ได้ชำระค่าหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นของ เอสโซ่ (ประเทศไทย) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ปัจจุบัน บางจากฯ ถือหุ้นเอสโซ่ (ประเทศไทย) เป็นจำนวน 2,642,157,198 หุ้น (หุ้นที่ถืออยู่เดิมรวมกับหุ้นที่มีผู้แสดงเจตนาขาย) หรือคิดเป็นร้อยละ 76.34 ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด

“จำนวนหุ้นที่ได้จากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ฯ คิดเป็นมูลค่า 3,547,729,490 บาทนี้ บางจากฯ ได้ใช้เงินกู้จากวงเงินสินเชื่อระยะยาวจาก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่เป็นพันธมิตรสนับสนุนการเติบโตของ บางจากฯ มาอย่างต่อเนื่อง โดยภายหลังการใช้เงินกู้ครั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบางจากฯ ยังอยู่ในระดับไม่เกิน 1.1 เท่า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางฐานะการเงินของบางจากฯ ทั้งนี้ บางจากฯ พร้อมที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานต่างๆ เพื่อไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจร่วมกัน”

‘แอน จักรพงษ์’ ยันมีแผนแก้ปัญหาหุ้นกู้แล้ว ประกาศถือหุ้น JKN เพิ่มเป็น 38%

(7 ก.ย. 66) ท่ามกลางกระแสข่าวลือที่ถูกโหมกระหน่ำ ‘แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์’ ผู้ถือหุ้นใหญ่และ CEO ของ ‘JKN’ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้แจ้ง กลต. เมื่อวานนี้ ว่ามีรายการขายหุ้นและรับโอนหุ้นหลายรายการ ขอสรุปสั้น ๆ คือ รายการขายหุ้นของเธอมาจากบัญชี มาร์จิ้น ถูกฟอร์ซเซลล์ หรือบังคับขาย เนื่องจากราคาหุ้นตกแรงกว่า 50% ใน 2 วัน แต่คุณแอนได้มีการรับโอนหุ้น JKN เข้ามาเพิ่ม 77 ล้านหุ้น ทำให้ปัจจุบัน คุณแอนจักรพงษ์ ถือหุ้น JKN ทั้งหมดเพิ่มเป็น 392,287,682 หุ้น คิดเป็น 38% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดอันดับ 1 เหมือนเดิม

“ดิฉันยืนยันว่า ดิฉันยังยืนหยัดบริหาร JKN และ ยังถือครองหุ้น JKN กว่า 38% ส่วนเรื่องหุ้นกู้นั้น บริษัทฯ JKN มีแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องนี้แล้วโดยได้ปรึกษาที่ปรึกษากฎหมายและ บริษัทผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย และจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น JKN239A ในวันที่ 27 กันยายนนี้ เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ จึงอยากขอให้ผู้ถือหุ้นกู้ และนักลงทุนอย่าได้หลงเชื่อข่าวลือ หรือเฟกนิวส์ต่าง ๆ และ ขอให้เช็คข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์และ กลต. หรือ ติดต่อที่บริษัทฯ เพื่อสอบถามได้ตลอดเวลา ดิฉันและผู้บริหารมีเจตนาที่จะดูแลเงินลงทุนและผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างจริงใจ” คุณแอน จักรพงษ์ กล่าวสรุป

สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 1 ก.ย. 66

📌สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 1 ก.ย. 66

สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 31 ส.ค. 66

📌สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 31 ส.ค. 66

สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 30 ส.ค. 66

📌สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 30 ส.ค. 66

สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 29 ส.ค. 66

📌สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 29 ส.ค. 66

‘บางจาก’ ตั้งโต๊ะซื้อ ‘เอสโซ่’ หุ้นละ 9.89 บ. ทยอยเปลี่ยนป้ายปั๊ม 1 ก.ย. ปิดตำนาน 129 ปี

ภายหลัง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทได้ดำเนินการในการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO โดยได้ตกลงราคาซื้อขายสุดท้ายตามสัญญาซื้อขายหุ้นที่ได้ลงนามไป เมื่อ 11 ม.ค. 66 ในสัดส่วน 65.99% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด (หรือราว 2.28 พันล้านหุ้น) จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ ESSO บริษัท เอ็กซอนโมบิล เอเชีย โฮลดิ้ง พีทีอี แอลทีดี (ExxonMobil) 

ล่าสุดได้กำหนดราคาสุดท้ายเสร็จสิ้นเมื่อ 25 ส.ค. 2566 ที่ราคา 9.8986 บาทต่อ หุ้น โดย BCP จะชำระค่าหุ้นสามัญจำนวน 2.28 พันล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 65.99% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ ESSO คิดเป็น มูลค่ารวมราว 2.26 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 31 ส.ค. 2566 นี้ ถือเป็นการเปลี่ยน อำนาจควบคุม 

จากนั้น ทาง BCP จะดำเนินการเข้าทำคำเสนอหุ้นที่เหลือของ ESSO สัดส่วน 34.01% (หรือราว 1.18 พันล้านหุ้น) ในช่วงต้นเดือน ก.ย. 66 ในราคาเดียวกันที่ 9.8986 บาทต่อหุ้น และคาดการทำ tender จะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค. 66 และหากว่าtender ได้ไม่ครบจำนวน ก็ไม่มีแผนที่จะซื้อเพิ่มในตลาดฯ ให้ครบ เพราะสัดส่วนหลัก 65.99% ใน ESSO ก็ถือว่ามี อำนาจควบคุมแล้ว

ทั้งนี้ หลังควบรวมกิจการเรียบร้อย จะส่งผลให้บางจากจะส่งผลให้กำลังการกลั่น เพิ่มขึ้นเป็น 2.94 แสนบาร์เรลต่อวันจากปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็นโรงกลั่นที่ขนาดกำลังการผลิตที่ใหญ่ ที่สุดในประเทศไทย และจะส่งผลให้ธุรกิจ การตลาด (Retail Marketing) ขึ้นอยู่ในอันดับ 2 ในส่วนของส่วนแบ่งการตลาด

และตั้งแต่ 1 ก.ย. 66 เป็นต้นไป จะเริ่มทยอยเปลี่ยนป้ายปั๊ม ESSO จำนวน 780 สถานี เป็น บางจากทั้งหมด โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี ซึ่งจะทำให้บางจากมีปั๊มน้ำมันรวมกว่า 2,100 สถานี

สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 28 ส.ค. 66

📌สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 28 ส.ค. 66

สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 25 ส.ค. 66

📌สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 25 ส.ค. 66

สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 18 ส.ค. 66

📌สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 18 ส.ค. 66

‘EA’ เตรียมขายกรีนบอนด์ 3 รุ่น อายุ 1-5 ปี อันดับเครดิต A- ผลตอบแทน 3.20 - 4.15% ต่อปี

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำในธุรกิจพลังงานสะอาด โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมแผนเสนอขายหุ้นกู้ให้กับผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน (Public Offering) จำนวน 3 รุ่น ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 6 แห่ง โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ที่ระดับ A- สะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แข็งแรงจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ และ ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA กล่าวว่า “บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือที่รู้จักกันในชื่อ กรีนบอนด์ (Green Bond) ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว โดยหุ้นกู้ที่จะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไปมีจำนวน 3 รุ่น คือ 

1.หุ้นกู้รุ่นอายุ 1 ปี อัตราผลตอบแทนระหว่าง 3.20 - 3.40%  
2.หุ้นกู้รุ่นอายุ 3 ปี อัตราผลตอบแทนระหว่าง 3.50 - 3.70%  
3.รุ่นกู้รุ่นอายุ 5 ปี อัตราผลตอบแทนระหว่าง 3.95 - 4.15%  

ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยและวันจำหน่ายที่แน่นอน บริษัทฯ จะประกาศให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ผ่าน 6 สถาบันการเงินชั้นนำ”

“บริษัทฯ เป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานสะอาดในระดับภูมิภาค มีกระแสเงินสดที่แข็งแรงจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ และ ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวคิด ‘MISSION NO EMISSION’ โดยมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์กำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 1 GWh และกำลังขยายกำลังการผลิตที่ 4 GWh ในช่วงไตรมาสที่ 2/2567 อีกทั้งมีโรงผลิตและประกอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์มีกำลังการผลิตสูงสุด 9,000 คันต่อปี โดยที่ผ่านมา EA ได้ส่งผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง เช่น รถโดยสารไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า เรือโดยสารไฟฟ้า ตลอดจนมีสถานีชาร์จ ยานยนต์ไฟฟ้ากว่า 490 สถานี ครอบคลุมทุกภูมิภาค จึงมั่นใจว่าการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา และเชื่อว่า หุ้นกู้ EA ที่จำหน่ายในครั้งนี้จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนต้องการลงทุนในกิจการที่มีความมั่นคง และต้องการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้” นายอมรกล่าวเพิ่มเติม

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2566 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 16,860.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 6,589.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 64.16 โดยในไตรมาสที่ 2/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 7,956.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,502.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.88 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,454.07 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ ธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน รวมถึงธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 

นอกจากนี้ นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ยังได้รับโล่เชิดชูเกียรตินักบริหารดีเด่นแห่งปี 2566 สาขาบริหารและพัฒนาองค์กรและรางวัล CEO Awards จากความมุ่งมั่นกว่า 15 ปีในการดำเนินธุรกิจ ‘Green Product’ ได้แก่ ธุรกิจไบโอดีเซล, ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน, ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ และ ธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า สามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมพลังงานสะอาดให้เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและระดับสากล ทำให้องค์กรให้เติบโตควบคู่ไปกับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ EA ได้รับรางวัลด้านองค์กรยอดเยี่ยม ได้แก่ รางวัล Most Innovative Energy Solution Provider Thailand 2021 โดย World Business Outlook, รางวัล Outstanding Company Performance Award 2022 ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 100,000 ล้านบาท โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและวารสารการเงินธนาคาร 

รางวัลในประเภทนวัตกรรมยอดเยี่ยมด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อ ได้แก่ รางวัล Emerging Technology of the Year : The 2020 Global Energy Awards ผลงานเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry โดย : S&P Global Platts, รางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยมแห่งปี ผลงานเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน), รางวัล Best Innovative Company Award 2022 ผลงานนวัตกรรมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน AMITA Technology (Thailand) โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและวารสารการเงินธนาคาร อีกทั้งบริษัทฯ ได้รับการประเมินเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืน MSCI ESG Ratings 2023 : A โดย : MSCI และสมาชิกดัชนีวัดความเสมอภาคทางเพศ Bloomberg Gender Equality Index (GEI) โดย : Bloomberg

ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินทั้ง 6 แห่ง ดังนี้

-ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยกเว้นสาขาไมโคร โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking
-ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ โทร. 02-777-6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY
-ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอปพลิเคชัน - CIMB Thai Digital Banking ได้อีก 1 ช่องทาง)
-บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
-บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675
-บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-820-0410

CRC ปิดเช้าดีดกลับ 8% หลังหุ้นดิ่งลงจากเลือกตั้ง พร้อมรับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้น-นักลงทุนต่างสนใจ

🔴 (30 มิ.ย. 66) ราคาหุ้นบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ล่าสุดปิดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 39.25 บาท บาท บวก 2.75 บาท หรือ 7.53% สูงสุดที่ระดับ 39.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 37.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 645.31 ล้านบาท

🟢 บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ต่อหุ้น CRC ว่าราคาหุ้นดีดตัวกลับแรง หลังราคาหุ้นร่วงนับจากเลือกตั้งเสร็จแล้วแต่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทำให้มีแรงขายออกมาจนราคาหุ้นลงไปต่ำสุด 36 บาท โดยเจอแรงกดดันจากนโยบายพรรคก้าวไกลที่จะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นปัจจัยลบระยะสั้น แต่ก็จะมีนโยบายชดเชยหรือลดค่าใช้จ่าย เช่น การปรับลดค่าไฟ

⚪ ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ CRC เป็นจุดกลับตัวน่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายของนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุน และอยู่ในกลุ่มค้าปลีกที่ได้รับผลบวกจากการท่องเที่ยว ทางฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำ ‘ซื้อ’ ราคาเป้าหมาย 50 บาท


© Copyright 2023, All rights reserved. THE TOMORROW
Take Me Top