Monday, 8 July 2024
THETOMORROW

สะพัด!! 4 หมื่นล้าน!! 'ต่างชาติ' ลงทุนไทย 5 เดือนแรกปี 66

🔍‘ญี่ปุ่น’ ครองแชมป์!! 

จากสถิติ 5 เดือนแรกของปี 2566 นักลงทุนต่างชาติตัดสินใจลงทุนในไทยมูลค่ารวมกว่า 45,392 ล้านบาท จ้างงานคนไทยรวม 2,999 คน โดยญี่ปุ่นลงทุนในไทยมากเป็นอันดับที่ 1 มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 15,873 ล้านบาท

ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 

‘ประเทศไทย’ ติดอันดับ 2 ปลายทางยอดนิยม นทท. ทั่วโลก ‘กรุงเทพฯ’ คว้าอันดับ 1 เมืองถูกจองเข้าพักมากที่สุด

📌(22 มิ.ย. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยผลสำรวจ เดือนม.ค. - พ.ค.ปี 2566 ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นบนหลายแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว ทั้ง Agoda และ Klook สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยสะสม 5 เดือน กว่า 10.6 ล้านคน สะท้อนศักยภาพด้านการท่องเที่ยวไทย และการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล

โดย Agoda แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวระดับโลก เปิดเผยสถิติข้อมูลนักท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์มในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 พบว่า การท่องเที่ยวโดยรวมของไทยฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าประเทศอื่น จากการที่ไทยเปิดประเทศเร็ว โดยเฉพาะการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน ประกอบกับ ไทยมีเที่ยวบินรองรับนักท่องเที่ยวเพียงพอ

ประเทศไทยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น และมีนักท่องเที่ยวเดินทางภายในประเทศมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 รองจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และมาเลเซีย

นอกจากนี้ กรุงเทพฯ ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีการจองเข้าพักบนแพลตฟอร์มมากที่สุดในโลก โดย Agoda เชื่อมั่นว่า กรุงเทพฯ สามารถพัฒนาเป็น ศูนย์กลางเทคโนโลยีของเอเชียได้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ และสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมที่ทำให้ไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

นายอนุชา กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กับ Klook แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชีย ในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดภายใต้แคมเปญ ‘Let Your Journey be THAI’ โดยส่งเสริมต่างชาติให้เดินทางมาเที่ยวไทย ผ่านการประชาสัมพันธ์ 5F Soft Power ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยว

โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติจองกิจกรรมในไทยเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 1,200 จากช่วงเดียวกันของปี 2565 โดย ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และมาเลเซีย มีการจองกิจกรรมไทยบนแพลตฟอร์ม Klook มากที่สุดเป็น 5 อันดับแรก กิจกรรมยอดนิยม ได้แก่ ทัวร์แบบ Day trip กิจกรรมชมความสวยงามของเมืองไทย และสปา เป็นต้น

เปิดสถิติ 1 ปี 'สลากดิจิทัล' 80 บาท ประสบความสำเร็จแค่ไหน ?

🔍การจำหน่าย ‘สลากดิจิทัล’ ผ่านแอปฯ เป๋าตัง ดูจะเป็นหนทางที่ถูกที่ควรและโดนใจประชาชนเอามาก ๆ เนื่องจากในแต่ละงวดสลากถูกขายหมด และบางงวดสลากดิจิทัลในระบบขายหมดภายใน 12 วัน

ปัจจัยหลักที่ทำให้การซื้อขายสลากดิจิทัลเป็นที่นิยม ก็คงเป็นเรื่องการควบคุมราคาอยู่ที่ใบละ 80 บาท และผู้ซื้อสามารถค้นหาเลขที่ต้องการซื้อได้อย่างง่ายดาย 

ดังนั้น เมื่อความต้องการซื้อพุ่งสูงขึ้น สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจึงตั้งเป้าภายในสิ้นปี 2566 มีสลากดิจิทัล 30 ล้านใบ สิ้นปี 2567 เพิ่มเป็น 40 ล้านใบ และสิ้นปี 2568 เพิ่มเป็น 50 ล้านใบ หรือครึ่งหนึ่งของสลากทั้งหมดต้องเป็นดิจิทัล

OTO ดิ่งหนัก 20% แม้ชี้แจงราคาหุ้นเกิดจากปัจจัยภายนอก ยืนยัน!! ฐานะการเงินบริษัทยังมั่นคง-ไม่กระทบพื้นฐานธุรกิจ

📌 (22 มิ.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO ณ เวลา 10:07 น. อยู่ที่ระดับ 1.62 บาท ลบ 0.40 บาท หรือ 19.80% สูงสุดที่ระดับ 1.81 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.56 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 64.59 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น OTO ยังปรับตัวลดลงแม้ว่าเมื่อช่วงเช้าวันนี้ มีการรายงานข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์ว่า ตามที่ระหว่างวันที่ 12 มิถุนายน 2566 ถึงปัจจุบัน เกิดการปรับตัวลงของราคาหุ้นของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องมีความกังวลกับเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงทำให้เกิดการคาดเดาถึงสาเหตุที่ราคาหุ้นของบริษัทมีการปรับตัวอย่างมีนัยสำคัญในช่วงระยะเวลาอันสั้นที่ผ่านมาที่อาจสร้างความเสียหาย และบั่นทอนความน่าเชื่อถือของบริษัท ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการร้องขอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอตรวจสอบรายการซื้อขายหุ้นที่มีลักษณะผิดปกติในช่วงระยะเวลาดังกล่าวแล้ว โดยหากมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการตรวจสอบสาเหตุการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นของบริษัทเป็นประการใด บริษัทจะแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทขอชี้แจง และขอให้ความมั่นใจแก่ผู้ถือหุ้น และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่า การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นของบริษัทนั้นเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกและสภาวการณ์อื่น ๆ ซึ่งไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัท กล่าวคือ การปรับตัวลงของราคาหุ้นบริษัทนั้นไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ทั้งนี้ในปัจจุบัน สถานะทางการเงิน รวมถึงการดำเนินงานของบริษัทยังมีปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคง โดยบริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ

นอกจากนี้บริษัทยังได้เข้าร่วมโครงการประมูลโครงการภาครัฐ ซึ่งมีมูลค่าโครงการไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาและประกาศผลผู้ชนะประมูลโครงการ ซึ่งหากมีความคืบหน้าเป็นประการใด บริษัทจะเรียนแจ้งให้นักลงทุนทราบทันที ในการนี้บริษัทจึงขอให้ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เชื่อมั่นว่าบริษัทเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามแผนธุรกิจที่บริษัทได้วางไว้ เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นทุกราย และบริษัทยังคงมีผลประกอบการที่ดีและมีสภาพคล่องและสถานะทางการเงินเป็นปกติ

MEGA ร่วง 8% หวั่นยอดขายลดลง หลังสหรัฐฯ จ่อคว่ำบาตรเมียนมารอบใหม่

🔴 (22 มิ.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA ณ เวลา 10:57 น. อยู่ที่ระดับ 35.50 บาท ลบ 3.00 บาท หรือ 7.79% สูงสุดที่ระดับ 37.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 34.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 243.06 ล้านบาท

🟢 นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเชีย ไซรัส กล่าวว่า ราคาหุ้น MEGA ปรับตัวลงมา รับ Sentiment เชิงลบ หลังจากสหรัฐฯ มีแผนจะประกาศการคว่ำบาตรรอบใหม่ กับธนาคารการค้าต่างประเทศของเมียนมา (MFTB) และธนาคารเพื่อการลงทุนและการพาณิชย์เมียนมาอย่างเร็วที่สุด

⚪ โดย MEGA เป็นบริษัทจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสินค้าอุปโภคบริโภค (Fast Moving Consumer Goods หรือ FMCG) ชั้นนำระดับสากล ณ ปัจจุบัน MEGA เป็นผู้จัดจำหน่ายชั้นนำในประเทศกำลังพัฒนา ได้แก่ ประเทศเมียนมา กังวลอาจทำให้ส่งผลกระทบต่อยอดขายลดลง ทั้งนี้ ยังคงแนะนำ ‘ซื้อ’ โดยมองราคาหุ้นปรับตัวลงมาพอสมควร ทำให้ P/E ค่อนข้างถูก อย่างไรก็ตามทางฝ่ายวิเคราะห์ เตรียมปรับราคาเป้าหมายปี 66 ลง จากเดิมให้ไว้ที่ 65 บาทต่อหุ้น

‘Margin’ หมายถึง ‘หลักประกันของลูกค้า’

🔍‘Margin’ หรือ ‘หลักประกันของลูกค้า’ คือ เงินหรือทรัพย์สินที่ลูกค้าวางไว้กับบริษัทหลักทรัพย์เพื่อการซื้อหุ้นโดยใช้สินเชื่อหรือเพื่อการขายชอร์ตกับบริษัทหลักทรัพย์นั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะกำหนดอัตราขั้นต่ำที่ลูกค้าต้องวางหลักประกันไว้เรียกว่า ‘Initial Margin Rate’ เช่น ร้อยละ 50 ของมูลค่าหุ้นที่ซื้อหรือขายชอร์ต เป็นต้น 

ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจกำหนดเปลี่ยนแปลงอัตรา Margin ได้ หากภาวะความเสี่ยงในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลง

'Takeover' หมายถึง 'การครอบงำกิจการ'

🔍การที่บุคคลหรือนิติบุคคลใด เข้าไปถือหุ้นในบริษัท เพื่อให้ได้สัดส่วนการถือหุ้นมากพอที่จะมีอำนาจ
ควบคุมการบริหารงานของกิจการนั้น โดยจะต้องมีการจัดทำคำเสนอซื้อ และดำเนินการขั้นตอนต่าง ๆ 
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด 

สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
1. การครอบงำกิจการอย่างเป็นมิตร (Friendly Takeover) เป็นการเข้าถือหุ้นของกิจการเป้าหมายโดยผ่านกระบวนการเจรจา และได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นทั้งสองฝ่าย

2. การครอบงำกิจการอย่างไม่เป็นมิตร (Hostile Takeover) เป็นการเข้าถือหุ้นของกิจการเป้าหมาย โดยฝ่ายผู้ถูกครอบงำมิได้เห็นชอบและยินยอม ทั้งสองฝ่ายอาจมีการแข่งกันจัดทำคำเสนอซื้อหุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป (Tender Offer) เพื่อแย่งชิงความเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ของกิจการเป้าหมาย

‘Common Stock’ หมายถึง ‘หุ้นสามัญ’

🔍 ‘Common Stock’ หรือ ‘หุ้นสามัญ’ คือ หลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนที่บริษัทออกจำหน่ายเพื่อเป็นการระดมเงินทุนมาดำเนินกิจการ ซึ่งผู้ถือหุ้นสามัญจะมีสถานะเป็น ‘เจ้าของบริษัท’ ตามสัดส่วนของจำนวนหุ้นที่ถือ และ ‘มีสิทธิออกเสียง’ ลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อตัดสินใจในกิจการที่สำคัญของบริษัท โดยออกเสียงได้ตามสัดส่วนของจำนวนหุ้นที่ตนถืออยู่

นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นสามัญยังมีสิทธิได้รับเงินปันผลเมื่อบริษัทมีผลกำไร และมีโอกาสได้รับกำไรจากส่วนต่างของราคาเมื่อราคาหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นตามศักยภาพของบริษัท รวมถึงมีโอกาสได้รับสิทธิในการจองซื้อหุ้นออกใหม่เมื่อบริษัทเพิ่มทุนหรือจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิต่างๆ ให้แก่ผู้ถือหุ้น

จีนสั่งชาวแบงก์ งดใช้ของแบรนด์เนม ทลายนิสัยอวดไลฟ์สไตล์หรูหราแต่เนิ่นๆ

📌ถึงคิวชาวแบงก์ และสถาบันการเงินต่าง ๆ แล้ว ที่จะต้องโดนใบเหลืองจากรัฐบาลจีน ในการสอดส่อง ไลฟ์สไตล์หรูหรา ใช้ของแบรนด์เนม ราคาแพง ว่าจะเป็นการสร้างค่านิยมที่ไม่ดีต่อสังคมจีน ที่กำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง และการว่างงานของเด็กจบใหม่ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ภาคธุรกิจการเงินของจีน นับเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก มีมูลค่าสูงกว่า 57 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเส้นเลือดสำคัญของเศรษฐกิจจีน จึงไม่แปลกใจว่า กลุ่มคนทำงาน หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาธุรกิจการเงิน จะเป็นกลุ่มที่ได้ค่าจ้างตอบแทนสูงมากในจีน 

และด้วยรายได้ที่ดีกว่าอาชีพอื่น ๆ และการสร้างภาพลักษณ์ที่ดูมั่งคั่ง และมั่นคง จึงนำไปสู่ไลฟ์สไตล์ที่ดูหรูหรา การเลือกใช้ของราคาแพง เพื่อให้ดูดีมีระดับ สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจของชาวจีนส่วนใหญ่ที่ยังต้องทำงานหนัก รายได้เดือนชนเดือน หรือยังหางานไม่ได้ ทำให้กลุ่มคนทำงานในแวดวงการเงิน ถูกมองเป็นชนชั้นสูงอีกกลุ่มหนึ่งในสังคมจีน

ด้วยเหตุนี้ องค์กรเฝ้าระวังการฉ้อโกง ของรัฐบาลจีนได้ออกมาประกาศว่าจะขจัดแนวคิดของ 'ชนชั้นสูงทางการเงิน' ตามค่านิยมตามแบบตะวันตก ที่มุ่งแสวงหา 'รสนิยมระดับไฮเอนด์' มากเกินไป

จึงมีคำสั่งภายในองค์กรการเงิน และธนาคารตั้งแต่ขนาดใหญ่ จนถึงขนาดกลาง ไม่ให้บุคคลากรในทุกระดับ อวดโชว์ไลฟ์สไตล์โก้หรูจนเกินงาม ด้วยการโพสต์ภาพมื้ออาหารหรู ๆ กระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องประดับราคาแพงของตนลงในโซเชียล เพื่อหลีกเลี่ยงกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม 

พนักงานธนาคารขนาดกลางแห่งหนึ่งของจีนเล่าว่า มีคำสั่งจากหน่วยงานให้เจ้าหน้าที่ทุกคนงดใช้กระเป๋า หรือสิ่งของแบรนด์เนมในที่ทำงาน รวมถึงการเข้าพักในโรงแรม 5 ดาว เมื่อต้องเดินทางไปทำงานต่างเมือง

นอกจากข้อห้ามการใช้ข้าวของหรูหราแล้ว เบี้ยเลี้ยงที่ไม่จำเป็น และโบนัสอาจต้องถูกตัดด้วย 

แหล่งข่าวภายในเปิดเผยว่า ธนาคารขนาดใหญ่อย่าง...

Industrial and Commercial Bank of China (ICBC) และ China Construction Bank Corp (CCB) มีแผนที่จะลดเบี้ยเลี้ยงพิเศษสำหรับพนักงานภายในปีนี้ หลายสถาบันการเงินอาจต้องปรับลดโบนัสลงตั้งแต่ 30% - 50%

การปรับลดเบี้ยเลี้ยง โบนัส หรือการออกข้อบังคับให้คนทำงานในองค์กรการเงินใช้ชีวิตเรียบง่าย สมถะ เป็นผลพวงจากนโยบายต่อต้านการคอร์รัปชัน ของรัฐบาลจีนที่เล็งเป้ามาที่ภาคธุรกิจการเงิน และมีการแต่งตั้งองค์กรเฝ้าระวังการฉ้อฉลในภาคการเงินโดยเฉพาะในยุคของสี จิ้นผิง เทอม 3 เพื่อตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญของรัฐบาลจีนทั้งแนวคิด และทางการเมือง

แต่อีกนัยยะหนึ่ง ที่สถาบันการเงินต่าง ๆ จำเป็นต้องตักเตือนพนักงานของตนเรื่องการใช้สินค้าฟุ่มเฟือย หรือการใช้สื่อโซเชียลโพสต์รูปอวดการใช้ชีวิตที่ทำให้หลายคนอิจฉา อาจทำเพื่อป้องกันไม่ให้สะดุดตาองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันของรัฐบาลจีน ที่กำลังตรวจสอบหนักอยู่ในขณะนี้ 

ดังเช่นกรณีการหายตัวไปของนาย เป่า ฟาน นักลงทุน และ ผู้ก่อตั้งบริษัท China Renaissance เมื่อไม่นานมานี้ ที่ต่อมาทราบแต่เพียงว่า กำลังเก็บตัวเพื่อให้ความร่วมมือกับทีมสอบสวนคดีทุจริตของรัฐบาลจีน นอกจากนี้ ยังมีมหาเศรษฐีในธุรกิจการเงินจีนอีกจำนวนมากที่จำเป็นต้องหายหน้าไปจากสื่อ เมื่อต้องพัวพันกับคดีทุจริต หรือการตรวจสอบจากรัฐบาลจีน 

อาทิ กั่ว กวงฉาง ผู้ก่อตั้งบริษัท Fosun International เสี่ยว เจี้ยนหัว นักลงทุนสัญชาติจีน - แคนาดา เจ้าของบริษัท Tomorrow Holding และเป็นที่รู้จักกว้างขวางของคนวงในรัฐบาลจีน แต่สุดท้ายถูกตัดสินจำคุก 13 ปี ด้วยข้อหาฉ้อโกง และ คอร์รัปชัน  รวมถึง แจ็ค หม่า เจ้าของธุรกิจ Alibaba  ที่ต้องหายหน้าจากสื่อจีนนานเกือบ 2 ปี ในช่วงที่จีนเริ่มตรวจสอบธุรกิจ Fin Tech 

ดังนั้นนโยบายการลดค่านิยมหรูหรา ฟุ่มเฟือยในกลุ่มคนทำงานในองค์กรธนาคาร และ สถาบันการเงิน อาจจะไม่ได้ช่วยเรื่องการลดช่องว่างทางสังคมหรือปัญหาการว่างงานในจีนแต่อย่างใด แต่ช่วยในด้านการลดกระแสสังคมที่มองว่าเป็นกลุ่มทุนชั้นสูง ที่มักถูกครหาว่าสร้างแนวคิดในการใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ หรือไม่ก็เป็นการป้องกันตัวไม่ให้สะดุดตาจากองค์กรตรวจสอบทุจริตของภาครัฐ ที่มักจบลงด้วยคดีความที่ยุ่งยากตามมานั่นเอง

SABINA ผนึกพันธมิตร สานต่อแคมเปญ New Life BRA CYCLE ลุยกำจัดชุดชั้นในเก่าเสื่อมสภาพ ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

📌 (22 มิ.ย.66) นางสาวพิชชา ธนาลงกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เปิดเผยว่า SABINA เดินหน้าสานต่อแคมเปญ New Life BRA CYCLE โละบราเก่าไปเป็น ‘พลังงานสะอาด’ เข้าสู่ปีที่ 3 ด้วยการผนึกความร่วมมือกับบริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรหลัก ในการกำจัดชุดชั้นในเก่า ชุดชั้นในเสื่อมสภาพ รวมถึงชุดชั้นในที่ไม่ใช้แล้วอย่างถูกวิธี เพื่อลดปริมาณขยะ ลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษ์โลก

สำหรับแคมเปญนี้ เป็นโครงการที่ตระหนักถึงบทบาทในการมีส่วนร่วม ช่วยรับผิดชอบขยะที่เกิดจากชุดชั้นใน ซึ่งเป็นขยะที่มีปริมาณมาก และมีการกำจัดได้ค่อนข้างยาก อีกทั้งผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าจะกำจัดชุดชั้นในเก่าที่เสื่อมสภาพอย่างไรให้ถูกวิธี โดย SABINA จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับชุดชั้นในเก่าเสื่อมสภาพ ซึ่งลูกค้าสามารถนำชุดชั้นในเก่าทุกแบบ ทุกสภาพ ทุกยี่ห้อ มาโละได้ที่ ซาบีน่าช็อป รวมถึงเคาน์เตอร์ซาบีน่าทั่วประเทศ หลังจากนั้น ‘อินทรี อีโคไซเคิล’ พันธมิตรหลักของโครงการ จะนำชุดชั้นในเก่าเสื่อมสภาพเหล่านี้ไปเข้าสู่กระบวนการเผาร่วม หรือ Co-processing  ซึ่งสามารถนำพลังงานความร้อนกลับมาใช้ใหม่ได้ (Energy Recovery) ทดแทนถ่านหินที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตปูนซีเมนต์ ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นวิธีการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีของเสียหรือขี้เถ้าหลงเหลือไปสู่หลุมฝังกลบ

ทางด้าน นางสาวสุจินตนา วีระรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด กล่าวว่า อินทรี อีโคไซเคิล มีความยินดีที่มีโอกาสเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรด้านความยั่งยืนกับ SABINA อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่สำคัญร่วมกันในจัดการขยะอย่างถูกต้องและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ อินทรี อีโคไซเคิล มุ่งมั่นในการสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรในการจัดการขยะตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมองว่า ‘ขยะ’ คือ ‘ทรัพยากร’ ที่ควรใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งชุดชั้นในเก่าเสื่อมสภาพเป็นขยะที่ไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้แล้ว และไม่คุ้มค่าในการนำไปรีไซเคิล แต่สามารถนำมาแปรเป็นพลังงานทดแทนหรือเชื้อเพลิงขยะ เป็นการปิดวงจรหรือ Close the Loop ของขยะที่หลงเหลือ ไม่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ เพื่อไม่ให้รั่วไหลไปสู่บ่อขยะและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถร่วมโครงการ แคมเปญ New Life BRA CYCLE โละบราเก่าไปเป็น ‘พลังงานสะอาด’ ด้วยการนำชุดชั้นในเก่าทุกแบบ ทุกยี่ห้อ ทุกสภาพ มาร่วมโละได้ที่ ซาบีน่าช็อป รวมถึงเคาน์เตอร์ซาบีน่าในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ โดยในทุกการโละ 1 ครั้ง SABINA จะบริจาคชุดชั้นในใหม่ให้กับผู้ที่ขาดแคลน ซึ่งเป็นการตอบแทนคืนให้แก่สังคม ผ่านมูลนิธิหรือองค์กรต่าง ๆ ทั่วประเทศต่อไป


TRENDING
© Copyright 2023, All rights reserved. THE TOMORROW
Take Me Top